ธรรมะของพระพุทธเจ้าว่าด้วยคาถา"หัวใจเศรษฐี" ที่ว่า "อุ อากาสะ" คือ ขยันหา รักษาดี มีกัลยาณมิตรดีและเลี้ยงชีวิตให้เหมาะสมID Line : 0997961731/ขายหนังสือเก่าและของสะสม

วิธีแก้กรรมเรื่องต่างๆ

วิธีแก้กรรมเรื่องความรัก 

 การที่มีปัญหาเกี่ยวกับความรัก มีสาเหตุทั้งจากเรื่องของกรรมใหม่และกรรมเก่า แต่ส่วนมากจะหนักไปทางกรรมใหม่เป็นเหตุหลัก ด้วยการผิดศีลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือของทั้งคู่และการมัวเมาในกิเลส อำนาจฝ่ายต่ำ และการไม่ยอมกันและกัน หากเป็นในเรื่องของกรรมเก่า เช่น ในอดีตชาติเคยหลอกให้คนอื่นรักหลงแล้วทิ้งขวาง หรือมีสามีหรือภรรยาหลายคนดูแลไม่ดี เป็นเหตุให้คนไหนคนหนึ่งทุกข์ทรมาน หรือเป็นผู้ที่ชอบยุยงให้ครอบครัวตนเองหรือผู้อื่นต้องมีความแตกแยกกันด้วยการกระทำทั้งกาย วาจาและใจ
คอยยุยงให้สามีเกลียดพ่อแม่ ยุยงให้คู่ครองคนอื่นผิดใจกัน เป็นสาเหตุให้คนต้องทะเลาะจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ใช้วาจาส่อเสียดโดยการกระทำทั้งหมดนั้นมีพื้นฐานทางจิตใจที่เป็นอกุศล หากเป็นผู้ที่มีกรรมไม่มีคู่ครองหรือมีคู่แล้วไม่มีบุตรทั้งที่ในชาติปัจจุบันประพฤติตนอยู่ในศีลข้อ 3 ก็ด้วยเหตุแห่งกรรมที่เจ้ากรรมนายเวรต้องการไม่ให้มีคู่ครองหรือบุตรสืบสกุล เนื่องจากในอดีตชาติ เคยไปผิดลูกเมียผู้อื่นมาก่อนทำให้คู่ครองของเขาเกิดความเจ็บช้ำน้ำใจผูกจิตอาฆาตสาปแช่งคืนไม่ให้มีคู่ครองหรือมีลูกด้วย
หรือไม่เช่นนั้นก็ได้ไปกระทำกรรมอันหนักไว้ เช่นเคยสังหารลูกเมียผู้อื่นโดยเจตนาเมื่อได้รับโทษโดยต้องสังเวยชีวิตคืนในชาติถัดไปแล้ว เศษกรรมอันนั้นที่เหลืออยู่ยังส่งผลมายังชาติปัจจุบันทำให้ต้องร้างคู่ครองหรือไม่มีบุตรอีก ในอันที่จริง เรื่องนี้นั้นเป็นเรื่องที่มาแก้ที่ปลายเหตุแล้ว ทางที่ดีต้องเริ่มจากเหตุของมันก่อน คือ เรื่องการดูเนื้อคู่และเลือกให้ถูกต้องตั้งแต่แรก แต่อย่างที่พูดอยู่เสมอว่า สัตว์โลกนั้นมีกรรมเป็นของตัวเอง ดังนั้นเราอาจจะไม่ได้เลือกคู่ครองคนนี้ แต่ไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะกรรมเป็นผู้ลิขิตให้เป็นเช่นนี้

    เปลี่ยนจากคู่เวรคู่กรรมมาเป็นคู่แท้ คู่บุญบารมีนั้น ทำได้ คือ ต้องทำกรรมดีเท่านั้นที่จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ ขอให้มีศรัทธาในความเชื่อเถิดว่า ทำดีย่อมต้องได้ดี ทำบุญต้องได้บุญ
เพียรทำดีกับเขาหรือเธอในทุกๆ เรื่องทั้งกาย วาจา ใจ ปรารถนาให้เขามีความสุขและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี ความดีเหล่านั้นจะไปละลายพฤติกรรมที่ไม่ดีของเขาให้หมดหรือเบาบางลงในระดับที่เราพอที่จะรับได้ หรือหมดพิษไปเลยก็มีมาแล้ว เปรียบความไม่ดีของเขานั้น เป็นยาพิษหนึ่งช้อนถ้าเรากินเข้าไปโดยไม่ผสมอะไร เราตายทันทีแน่นอนแต่ถ้าเราเอากรรมดี คือ น้ำสะอาดหนึ่งตุ่มมาละลายมัน ผลพิษของมันนั้นเบาบางจนแทบทำอะไรเราไม่ได้เลย อันนี้ประการหนึ่ง
 ประการที่สอง หมั่นชักชวนเขาหรือเธอให้ทำบุญกุศล ทำทาน รักษาศีล ภาวนา 
 บุญกุศลเท่านั้นที่จะมีอำนาจทำให้วิบากกรรมต่างๆ ได้เบาบางลงไป จนแทบอาจจะไม่มีผลเลยก็ได้ในชาตินี้ แต่อย่างไรก็ดีก็คงต้องได้รับเศษเวรเศษกรรมีที่ทำมา เพราะเป็นกฎแห่งกรรมที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไปได้ เมื่อเราได้ทำกรรมดีร่วมกันแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ต้องละเว้นกรรมชั่วด้วย อย่างน้อยการรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด นั้นจะเป็นกำแพงกั้นไม่ให้ความชั่วและความไม่ดีมาสู่ชีวิตของเราทั้งคู่ได้

 

  แก้กรรมเรื่องงาน


ใครๆ ก็ต้องเจออุปสรรคในการทำงานทุกอาชีพ
งานหนัก เงินน้อย
เจ้านายเข้มงวด เพื่อนร่วมงานคอยขัดแข้งขา
ใส่ร้ายป้ายสี
การจะพลิกชะตาเรื่องงานที่ดูเป็นอุปสรรคชีวิตนั้น
ประการแรกต้องเข้าใจก่อนว่า จริงๆ แล้วคนเราจะมีความสุขได้
ก็คือ ต้องได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ
ถ้างานที่ทำอยู่มองแล้วไม่อาจนำพาไปยังเป้าหมายชีวิตได้ แต่ยังต้องทนทู่ซี้ทำไป เพราะเป็นหนี้ มีรายจ่ายมาก ไม่มีทางมีรายได้เพิ่ม จะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปกับ "งานที่ไม่ได้รัก" นั้นหรือไม่ ถ้าหากงานนั้น ทั้ง "หนัก" และ "ผลตอบแทนน้อย"
คนที่ดูมีทางเลือกมากกว่าไม่ว่าจะเป็น มีฐานะทางบ้านอยู่แล้ว มีกิจการรองรับ หรือมีอะไรที่พอเลือกได้ก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดนานนัก
แต่กับคนที่ทางเลือกยังไม่มีมากนัก ก็ต้องทนอยู่กับงานเดิมจนกว่าจะได้งานที่ดีขึ้น รายได้ดีขึ้น
เมื่อเราเปลี่ยนคนรอบข้างไม่ได้ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง
1. แผ่เมตตาทุกวันก่อนเข้าทำงาน จะได้ลดอคติกับทุกคนในที่ทำงาน
2. ไม่คอยจ้องจับผิดใคร คอยดูแต่ใจตัวเอง หน้าที่ตัวเองก็พอ
3. ทำงานตรงหน้าให้ดีที่สุด และมีน้ำใจต่อคนรอบข้างให้มากที่สุด
4. พยายามผสานความร่วมมือให้เกิดขึ้น
5. ไม่คาดหวังกับผลตอบรับเรื่องคำชม หรือผลประโยชน์
การทำทั้ง 5 ข้อเป็น "ทานบารมี" เรื่องคำพูด จิตแห่งเมตตา การให้อภัย และการไม่อิจฉาริษยาผู้อื่น สิ่งเหล่านี้จะทำให้บรรยากาศแห่งงานเปลี่ยนไป งานที่ดูเครียดจะเครียดน้อยลง ความร่วมมือมากขึ้น อิจฉาริษยาลดลง กลายเป็นความเกื้อกูลกัน ความสุขจากที่ไม่เคยมีก็จะบังเกิดขึ้น
เคล็ดนอกเหนือจากในที่ทำงาน
1. ปล่อยปลา หรือสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นอาหารให้เป็นอิสระ การที่เราให้อิสระแก่ผู้ยากลำบาก โดยเฉพาะผู้ที่จะถึงฆาตให้รอดพ้นความตาย จะมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ เวลายากลำบากอะไรก็จะมีคนมาช่วยให้รอดพ้นความลำบากทุกครั้งไป
2. ไปขัดห้องน้ำวัด กวาดลานวัด ทำความสะอาดสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์ ทำให้คนที่จะมาใช้เกิดสุขและศรัทธาได้ ่เพราะห้องน้ำเป็นที่่ปลด "ทุกข์" ออกไป
3. ทำบุญด้วยน้ำสะอาด เป็นน้ำดื่มและน้ำใช้ ให้ภิกษุมีน้ำดื่มและใช้ไม่ขาดแคลน หรือจะทำให้เด็กยากจน คนยากก็ได้ทั้งสิ้น เป็นบุญใหญ่ที่ก่อประโยชน์สุขแก่คนหมู่มาก
อย่าเพิ่งเชื่อ ขอให้ลองพิสุจน์ด้วยตัวของท่านเอง

คัดลอกบางส่วนมาจากสำนักพิมพ์เสบียงบุญ
วิธีแก้กรรมด้วยตนเอง
วิธีแก้กรรมด้วยตนเอง

วิธีแก้กรรมเรื่องหนี้สิน 


แก้กรรมเรื่องหนี้สิน 

 

อยากพ้นกรรมเรื่องหนี้สิน ต้องแก้ที่ต้นเหตุ!!!

1. พ้นกรรมหนี้สินจะทำอย่างไร

หนี้สิน  ถือเป็นผลพวงของกรรมอย่างหนึ่งอันเกิดจากกิเลส  ความต้องการในทางกามารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้  เพราะความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เหมือนดังเช่นผู้อื่นจึงก่อให้เกิดความพยายาม ตะเกียกตะกายที่จะมีทรัพย์สินให้มากขึ้น โดยที่ไม่ได้สำรวจศักยภาพ ความสามารถในการหารายได้ ให้พอกับค่าใช้จ่าย จึงเกิดแต่ความทุกข์และกลายเป็นหนี้ในที่สุด

2. อย่าคิดที่จะเพิ่มหนี้อีก

อยากเป็นคนดีก็ต้องหยุดความชั่วก่อน เช่นกันไม่อยากเป็นหนี้ก็ต้องหยุดก่อหนี้ฉันนั้น

3. ลดการใช้จ่ายเกินความจำเป็น

4. หลีกเลี่ยงหาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจะทำให้เกิดการก่อหนี้ เช่น บัตรเครดิต

5. การใช้บัตรเครดิต

การใช้บัตรเครดิตเพื่อการใช้จ่ายที่ดีนั้นควรใช้บัตรเครดิตเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้น โดยมูลค่าบัตรจะต้องมีวงเงินอยู่ในขั้นต่ำที่สุด

ที่สำคัญต้องสามารถรูดใช้ได้ไม่เกิน 25% ของรายได้และแนวทางป้องกันหนี้จากบัตรเครดิตที่ดีที่สุด ก็คือ เลิกใช้บัตรเครดิต

เพราะการมีบัตรเครดิตจะทำให้ชะล่าใจ จับจ่ายซื้อของอย่างเกินความจำเป็น

6. ต้องชำระหนี้สิน

มีหนี้ก็ต้องชำระหนี้ แต่การชำระหนี้ควรผ่อนชำระหนี้สินตามสัดส่วนที่ควรจะเป็นเพื่อที่จะได้เหลือเงินใช้ทำอย่างอื่นต่อไป การทุ่มใช้หนี้ทั้งหมดจนไม่มีเงินเหลือไว้กินไว้ใช้ต่อยอดชีวิตให้เดินหน้าต่อไปย่อมไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง  แต่เราต้องแสดงเจตจำนงการใช้หนี้ให้ชัดเจน

7. มีการวางแผนการใช้จ่ายและการใช้ชีวิต

การวางแผนค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้รู้ว่าวันหนึ่งๆเราต้องจ่ายอะไรบ้าง และต้องมีการจำกัดวงเงินเมื่อต้องออก

ไปแสวงหาความสุขส่วนตัวทั้งหลาย

8. เพิ่มรายได้ด้วยงานพิเศษ

9. ออมเงิน หรือรักษาให้ดี

ถือเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับตัวเราเองได้มากที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าเราจะมีภาระหนี้สินหรือไม่ หรือจะมีเงินรายได้

มากน้อยขนาดไหน การออมทีละเล็กละน้อย ก็จะทำให้เราได้มีเงินเก็บซึ่งเป็นเงินก้อนขึ้นมาเอง และเงินส่วนนี้เองจะเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้จ่ายในอนาคตต่อไปได้


หนี้สินที่เกิดขึ้นกับตัวเราทั้งหมดมีเหตุมาจาก ความโลภ ความอยาก จงระงับความอยากให้มากที่สุดแล้วโอกาสเกิดหนี้ก็จะน้อยลง


วิธีแก้กรรมเก็บเงินไม่อยู่

วิธีแก้ไขในทางธรรม

ควรจะทำให้เป็นประจำอย่างเข้มข้นคือให้หมั่นออกไปทำทานตามกำลังทรัพย์ที่มี ขอเน้นอีกครั้งว่า ให้ทำทานตามกำลังทรัพย์ที่มี โปรดอย่าไปคิดว่าต้องทำทานด้วยเงินมากๆ แล้วจะได้ผลเร็วๆ เช่น เมื่อเรามีโอกาสไปทำบุญที่วัด ก็เอาเงินหยอดใส่ตู้บริจาคที่วัด จะเป็นเงินมากน้อยไม่สำคัญ อยู่ที่เงินบริสุทธิ์ ใจที่ศรัทธาบริสุทธิ์ แม้นว่าหน้าตู้จะเขียนว่านำไปทำประโยชน์อย่างอื่น ก็ให้อธิษฐานขอให้เงินที่บริจาคไปนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ให้เป็นประโยชน์ของสงฆ์ทั้งปวง หรือทำทานช่วยเหลือแก่ผู้ด้อยโอกาสทั้งหลายพยายามทำให้บ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิม

หรือจะทำบุญถวายสังฆทานที่วัดก็ได้ โดยขอให้ทำให้บ่อยครั้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่บังคับหรือฝืนฐานะของตัวเองที่จะสังฆทานในแต่ละครั้ง การทำสังฆทานที่วัดนั้นสำหรับคนที่เคยทำแท้งหรือมีส่วนร่วมนั้น ควรถวายบ้านหลังเล็กๆ และเสื้อผ้า ขวดนมของเล่นเด็กไปให้ลูกที่ตายด้วย เพื่อให้เขาได้รับเป็นของทิพย์ได้ใช้ในภพภูมิของเขาและให้อโหสิกรรมให้กับเรา และถอนตัวจากอุปสรรคต่างๆ ที่เขาขวางเอาไว้ช่วยเปิดทางให้เงินทองความสุขความเจริญไหลเข้าสู่ชีวิตตามบุญที่เราทำมา

ภายหลังการทำทานในแต่ละครั้งแล้ว ก็ขอให้ตั้งจิตเป็นกุศลนึกถึงบุญที่ทำมาทั้งหมด ยิ่งนึกถึงได้มากก็ยิ่งดี แล้วอธิษฐานจิตว่า

“หากข้าพเจ้าเคยมีกรรมเกี่ยวกับเรื่อง เงินทอง กับผู้ใด หรือ เคยทำทุจริต นำเงินทองใครมาโดยไม่ชอบธรรมในอดีตที่ผ่านมาทั้งที่ข้าพเจ้าจำได้หรือจำไม่ได้ก็ดี ทั้งที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ด้วยผลแห่งทานที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วในครั้งนี้ ขอให้หมดเวรหมดกรรมเรื่องเงินทองตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด”

เคล็ดลับสำคัญมากอีกประการหนึ่งที่จะช่วยเหลือเราให้พ้นจากเหตุเรื่องเสียเงินเก็บเงินไม่อยู่นี้มากก็คือ เรื่องของการรักษาศีลให้ครบทุกข้อโดยเฉพาะศีลข้อที่ 2 และศีลข้อที่ 4 เพราะเป็นต้นเหตุที่จะทำให้เราเสียทรัพย์และความน่าเชื่อถือ

โดยเฉพาะข้อที่ 4 เรื่องการพูดโกหกเพื่อให้ได้ทรัพย์หรือพูดฉ้อฉลเพื่อให้ได้ประโยชน์ส่วนตนมากที่สุด เป็นสิ่งที่ต้องเลิกกระทำทันที นอกจากจะเป็นการป้องกันไม่ให้เราเสียทรัพย์เพิ่มแล้วยังเป็นทางมาแห่งทรัพย์เพิ่มขึ้นอีกด้วย การรักษาสัจจะ รักษาคำพูดนั้นจะเป็นการสร้างบารมีให้กับตนเองที่ดีที่สุด เป็นการสร้างเครดิตให้กับตัวเองด้วยการกระทำที่ถูกต้องที่สุด


ที่มา เฟชบุ๊ค ธรรมะกับมนุษย์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น